ถวัลย์ ดัชนี (27 กันยายน พ.ศ. 2482
— 3 กันยายน พ.ศ. 2557)
เป็นจิตรกร ช่างเขียนรูป แห่งดอยสูงเชียงราย
ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เมื่อพ.ศ. 2544
เกิดที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นบุตรของนายศรี
และนางบัวคำ (พรหมสา) ดัชนี เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 4 คน ได้แก่
1.
พ.ต.สว่าง
ดัชนี (ถึงแก่กรรม)
2.
นายสมจิตต์
ดัชนี (ถึงแก่กรรม)
3.
นายวสันต์
ดัชนี (ถึงแก่กรรม)
ชีวิตวัยเยาว์และการศึกษา
พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๔๙๑
ศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม จังหวัดเชียงราย พ.ศ. ๒๔๙๒ - ๒๔๙๘ ศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
จังหวัดเชียงราย พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๐๐ ศึกษาระดับครูประถมการช่าง (ปปช.)
จากโรงเรียนเพาะช่าง พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๐๕ ศึกษาปริญญาตรีศิลปะบัณฑิต (เกียรตินิยม)
จากคณะจิตรกรรมประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. ๒๕๐๖ - ๒๕๑๒
ศึกษาระดับปริญญาโท ทางด้านจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์ ผังเมือง และปริญญาเอก สาขาอภิปรัชญาและสุนทรียศาสตร์
ที่ราชวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติ อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ (RIJKS AKADEMIE VAN BEELDEN DE KUNSTEN AMSTERDAM NEDERLAND)
ถวัลย์ ดัชนี ศึกษาชั้นมูลและระดับประถมที่โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม
ต่อมาบิดาย้ายมาปฏิบัติงานสรรพสามิตที่อำเภอเมืองพะเยา จึงเรียนต่อชั้นประถมที่โรงเรียนบุญนิธิซึ่งตั้งอยู่ริมชายกว๊านพะเยา และชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม เมื่อบิดาย้ายกลับเชียงรายจึงเข้าเรียนจนจบชั้นชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคมจนจบชั้นมัธยมปีที่
6 ของสมัยนั้น
ถวัลย์มีแววด้านการวาดรูปมาตั้งแต่ชั้นมูลและชั้นประถม
สามารถวาดตัวละครรามเกียรติ์ได้เกือบทุกตัว นอกจากจะมีความจำเป็นเลิศสามารถจำชื่อเพื่อนร่วมชั้นได้ทุกชั้นปีทั้งที่
เชียงรายและพะเยาแล้ว เมื่อถวัลย์มีอายุ 8-9
ขวบก็มีความคิดแผลงๆ จำเรื่องนายมั่นนายคงจากละครวิทยุปลุกใจยุคปลายและหลังสงคราม
เที่ยวชักชวนเพื่อนกรีดเลือดสาบานไปอยู่ดงพญาเย็นด้วยกันเมื่อโตขึ้นเป็นต้น
เมื่อจบชั้นมัธยม 6 ที่เชียงราย ถวัลย์ก็ได้รับทุนมาเรียนต่อที่ โรงเรียนเพาะช่าง และได้เป็นนักเรียนดีเด่น
ด้วยฝีมือการวาดรูปที่แม่นยำ เฉียบคม ฉับไว จึงเป็นหนึ่งในนักเรียนเพาะช่างดีเด่นด้านจิตรกรรม
ที่ผลงานได้รับการคัดเลือกไปแสดงในหอศิลป์แห่งชาติ นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้น ถวัลย์
ดัชนี จึงเข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และได้เป็น
"ศิษย์รุ่นท้ายๆ ของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี"
ตอนเรียนอยู่ที่ศิลปากรในชั้นปีที่ 1 ถวัลย์ ดัชนี ทำคะแนนการวาดรูปได้ถึง 100+
แต่เมื่อขึ้นปี 2 กลับทำได้แค่ 15 คะแนน เพราะเหตุผลที่ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ให้ไว้ว่า ปลา
ของนายไม่มีกลิ่นคาว นกของนายแหวกว่ายไปในอากาศไม่ได้ ม้าของนายไม่สามารถที่จะควบหรือวิ่งทะยานออกไปได้
นายเป็นเพียงแค่นักลอกรูป มันไม่ใช่งานศิลปะ
การค้นหาและการพบตัวเอง
คำวิจารณ์ของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ดังกล่าวนี้ทำให้ถวัลย์
ดัชนี เปลี่ยนแปลงการทำงานทุกอย่างใหม่หมด เมื่อคิดและดำรงอยู่ในวิถีทางแห่งศิลปะได้แล้ว
เขาจึงได้รับการสนับสนุนจากศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ให้สอบชิงทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้านสาขาจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์ ผังเมือง และในระดับปริญญาเอก สาขาอภิปรัชญา และสุนทรียศาสตร์ ที่ราชวิทยาลัยศิลปะอัมสเตอร์ดัม
ที่แห่งนี้เองที่ถวัลย์ได้เรียนร่วมชั้นเดียวกันกับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีศิลปินแห่งชาติเกิดขึ้น
3 คนจากสถาบันแห่งนี้ นั่นคือ ศิลปินแห่งชาติของอินโดนีเซีย ด้านการแกะสลัก,
ศิลปินแห่งชาติของอเมริกา ชาวสวิตเซอร์แลนด์ นามว่า Giger
(ไกเกอร์ หรือ กีเกอร์ ถ้าอ่านแบบเยอรมัน)
ซึ่งเป็นศิลปินที่วาดรูปออกแนวอวกาศและเป็นผู้ออกแบบเอเลี่ยน [3] และศิลปินแห่งชาติของไทย ถวัลย์
ดัชนี
เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย
เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น รูปเขียนขนาดใหญ่ของเขาหลายรูปถูกนักเรียนกรีดทำลาย ด้วยเหตุที่ว่างานของเขานั้นดูหมิ่นพระพุทธศาสนา ทำให้ถวัลย์ ดัชนี
เลิกแสดงผลงานในประเทศไทยไป นานหลายปี
กว่าคนไทยจะยอมรับได้ เขาก็ต้องเดินตากแดดตากฝนนานอยู่ถึงสามสิบกว่าปี ในปัจจุบันผลงานของเขาได้รับการยอมรับ
และได้รับการยกย่องชื่นชมว่าเป็นงานศิลปะชั้นเลิศ อีกทั้งเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมงานศิลปะทั่วไปอีกด้วย
ถวัลย์ ดัชนี
ได้ฝากศิลปะไทยจิตวิญญาณตะวันออกของเขา ไว้ในหลายๆ ที่ในโลก
"ผลงานบางส่วนถูกเขียนขึ้นในปราสาทที่มีถึง 500
ห้อง ในประเทศเยอรมนี ซึ่งมีชื่อว่าปราสาทกอททอฟ (Gottorf
Castle) " ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ปราสาทนี้ไม่เปิดให้ใครได้เข้าชมแล้ว
เพราะอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้มีหยดน้ำมาเกาะบนกำแพง ทำให้ภาพเสียหาย แต่รายการโทรทัศน์ที่ได้เข้าไปถ่ายทำเป็นรายการสุดท้ายนั่นคือ
รายการชีพจรลงเท้า
ยามว่างจากการเขียนรูป ถวัลย์ ดัชนี
จะเดินไปในป่าเพื่อหาเขากวางที่ผลัดแล้วมาเก็บไว้
เพื่อเป็นเครื่องลับจินตนาการให้เฉียบคมอยู่ตลอดเวลา
ผลงาน
จบจากโรงเรียนเพาะช่างในปี พ.ศ. 2500 ท่านได้สอบเข้าเรียนที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์
มหาวิทยาลัยศิลปากร และสถาบันแห่งนี้เองที่ได้หล่อหลอมให้ท่านพัฒนางานจากภาพวาดเหมือนจริงไป
เป็นภาพวาดที่ให้ความรู้สึกประทับใจ (Impressionism) แบบไทย หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรแล้ว
ท่านได้รับทุนของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญา เอกที่ราชวิทยาลัยศิลปแห่งชาติ
อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ โดยในระหว่างที่ศึกษาศิลปะที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ท่านได้สร้างผลงานอันเป็นที่โดดเด่นและเป็นที่นิยมชมชอบของวงการศิลปะสากล
อย่างกว้างขวาง จนได้นำผลงานออกแสดงนิทรรศการไปทั่วโลก ตัวอย่างผลงานคือ...
1 ภาพเขียนสีน้ำมัน 10 ภาพ ประดับอยู่ที่โรงพิมพ์สยามรัฐ
2 งานจิตรกรรมวิทยานิพนธ์ศิลปบัณฑิต
คณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร 12 ภาพ ประดับอยู่ที่สถานทูต
3 งานวาดเส้นและจิตรกรรมขนาดใหญ่
5 ภาพ ปัจจุบันเป็นผลงานในการสะสมของโซธปี้ สิงคโปร์
ประมูลมาจากอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในงานกิจกรรมที่มีมูลค่าสูงสุดของเอเชีย
4 ภาพเขียนจิตรกรรมขนาดใหญ่ประดับสถานทูตไทย
ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส
5 ภาพเขียนประดับผนังปราสาทอาชิลล์ คลารัค
คณบดีทูต เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย
6 ภาพเขียนการกำเนิดจักรวาล
สำหรับสำนักกลางคริสเตียน ประเทศไทย กรุงเทพฯ
7 ผลงานวาดเส้น
ที่ตอนนี้ถูกสะสมไว้ในหลายพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเยอรมนี
8 งานวาดเส้นในคฤหาสน์ส่วนตัวของอดีตผู้อำนวยการบริติชเคาน์ซิล
ประจำประเทศไทย มร.มัวรีช คาร์คิฟ
9 ผลงานสะสมในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงสตอกโฮล์ม
สวีเดน
10 ภาพเขียนประดับขนาดใหญ่ ประดับบริษัทเชลล์ แห่งประเทศไทย
10 ภาพเขียนประดับขนาดใหญ่ ประดับบริษัทเชลล์ แห่งประเทศไทย
11 ภาพเขียนภูมิจักรวาลตามไตรภูมิของปกรณัมไทย
12 ภาพเขียนประดับธนาคารแห่งประเทศไทย
13 ผลงาน มารผจญ 1 และ มารผจญ 2
14 ภาพสุดท้าย ภาพ "ม้า" เป็นภาพที่อ.ถวัลย์วาดในช่วงสุดท้ายของชีวิต
13 ผลงาน มารผจญ 1 และ มารผจญ 2
14 ภาพสุดท้าย ภาพ "ม้า" เป็นภาพที่อ.ถวัลย์วาดในช่วงสุดท้ายของชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น